ในปัจจุบัน การมีระบบกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในบ้านเรือน อาคารสำนักงาน หรือภาคเกษตรกรรม ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งหรือในพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องแรงดันน้ำหรือไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ถังเก็บน้ำจึงกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การเลือกถังเก็บน้ำไม่ควรมองแค่เพียงขนาด ความจุ หรือราคาเพียงอย่างเดียว เพราะอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อความคุ้มค่าในระยะยาวก็คือ “อายุการใช้งานถังเก็บน้ำ”
อายุการใช้งานถังเก็บน้ำขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้ผลิต คุณภาพการผลิต การติดตั้ง และสภาพแวดล้อมที่ตั้งถัง หากเลือกถังที่เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมกับดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยยืดอายุถังให้ใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัยมากขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปเปรียบเทียบถังเก็บน้ำแต่ละประเภท พร้อมระบุอายุการใช้งานโดยประมาณ และข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการเลือกถังเก็บน้ำที่ตอบโจทย์มากที่สุดสำหรับคุณ
ถังเก็บน้ำหลากหลายประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือในภาคเกษตรกรรม ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติเด่นและอายุการใช้งานถังเก็บน้ำที่ไม่เท่ากัน การเข้าใจถึงความทนทานและอายุเฉลี่ยของถังแต่ละชนิด จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการลงทุนและบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถังเก็บน้ำพลาสติกผลิตจากวัสดุโพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรง ยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทก และปลอดภัยสำหรับเก็บน้ำดื่ม เพราะเป็นวัสดุ Food Grade จุดเด่นคือมีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และไม่เป็นสนิม โดยถังเก็บน้ำที่เหมาะกับพื้นที่ร้อนส่วนใหญ่จะมีสารป้องกันรังสียูวี (UV) ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของวัสดุ ทนต่อสารเคมีได้ในระดับหนึ่ง และไม่สะสมตะไคร่หากปิดฝาอย่างมิดชิด
โดยทั่วไป อายุการใช้งานถังเก็บน้ำพลาสติก จะอยู่ที่ประมาณ 10–15 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของถังและสภาพแวดล้อม หากติดตั้งไว้กลางแจ้งที่แดดแรงตลอดวัน พลาสติกอาจเปราะหรือซีดเร็วขึ้น จึงควรตั้งถังในที่ร่มหรือมีหลังคาคลุม เพื่อยืดอายุการใช้งานให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรเลือกถังเก็บน้ำที่ได้รับมาตรฐาน เช่น มอก. ข้อแนะนำคือหมั่นล้างถังปีละ 1 ครั้ง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน
ถังเก็บน้ำสแตนเลสเป็นอีกตัวเลือกวัสดุถังเก็บน้ำยอดนิยม เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน และไม่เป็นสนิมเมื่อนำมาใช้กับน้ำประปาหรือแหล่งน้ำทั่วไป โดยวัสดุที่ใช้มักเป็นสแตนเลสเกรด 304 ซึ่งถือเป็นวัสดุคุณภาพสูง ปลอดภัยต่อการเก็บน้ำดื่ม และสามารถทนต่อความร้อนได้ดี ถังสแตนเลสยังดูแลรักษาง่าย ไม่ดูดซับกลิ่นหรือสี และมีผิวเรียบที่ช่วยลดการสะสมของคราบหรือตะไคร่น้ำ ซึ่งทำให้เป็นวัสดุถังเก็บน้ำยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการความคงทน อายุการใช้งานถังเก็บน้ำนาน และมีความสะอาดสูง
อายุการใช้งานถังเก็บน้ำสแตนเลสโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15–20 ปี หรืออาจนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับการดูแลอย่างเหมาะสม ถังชนิดนี้เหมาะสำหรับใช้งานในบ้านเรือนหรืออาคารที่ต้องการความสะอาดและปลอดภัยเป็นหลัก อีกทั้งยังถือเป็นหนึ่งในถังเก็บน้ำทนแดดแรง เนื่องจากวัสดุสแตนเลสสามารถทนความร้อนได้ดีและไม่เปราะหรือซีดจางเมื่อโดนแสงแดดโดยตรง อย่างไรก็ตาม สแตนเลสไม่เหมาะกับน้ำที่มีความเค็มหรือมีสารเคมีปนเปื้อนสูง เช่น น้ำบาดาลในบางพื้นที่ เพราะอาจทำให้เกิดสนิมหรือการกัดกร่อนได้ในระยะยาว
เพื่อยืดอายุการใช้งานถังเก็บน้ำ ควรติดตั้งถังบนพื้นที่เรียบ แข็งแรง และไม่ชื้นจนเกินไป หมั่นตรวจสอบข้อต่อหรือรอยเชื่อมเป็นระยะ และควรเลือกถังจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย
ถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาสผลิตจากเส้นใยแก้ว (Fiber Glass) ผสมกับเรซิ่นคุณภาพสูง ทำให้มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา และทนต่อแรงดัน รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยม ถือเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับงานเฉพาะทาง หรือพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูงต่อทั้งแสงแดด ความร้อน และการกัดกร่อน นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบให้รองรับแรงดันหรือแรงกระแทกเฉพาะจุดได้ดีกว่าถังทั่วไป
อายุการใช้งานถังเก็บน้ำไฟเบอร์กลาส อยู่ที่ประมาณ 20–25 ปี หรือมากกว่านั้น หากได้รับการติดตั้งและดูแลอย่างถูกวิธี จุดเด่นคือสามารถใช้งานกลางแจ้งได้โดยไม่เสื่อมสภาพง่าย อีกทั้งยังถือเป็น ถังเก็บน้ำที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น เนื่องจากวัสดุไฟเบอร์กลาสสามารถทนต่อความชื้นและอุณหภูมิสูงได้ดี อย่างไรก็ตาม ราคาค่อนข้างสูงกว่าถังชนิดอื่น และควรติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันปัญหารั่วซึมจากรอยต่อหรือโครงสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน
ถังชนิดนี้เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มเกษตร พื้นที่ที่มีแสงแดดจัดตลอดวัน หรืองานที่ต้องเก็บของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทั้งนี้ ควรเลือกถังที่ผ่านการรับรองคุณภาพ และหมั่นตรวจสอบสภาพถังเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและเพิ่มอายุการใช้งานถังเก็บน้ำในระยะยาว
ถังเก็บน้ำคอนกรีตเป็นถังที่มีความแข็งแรงสูง เหมาะสำหรับการเก็บน้ำปริมาณมากและใช้งานในระยะยาว เนื่องจากวัสดุคอนกรีตมีความทนทานต่อแรงกดและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี แม้ว่าจะมีน้ำหนักมากและติดตั้งยุ่งยาก แต่อายุการใช้งานถังเก็บน้ำประเภทนี้ยาวนานที่สุดเมื่อเทียบถังเก็บน้ำแบบอื่น โดยทั่วไป อายุการใช้งานถังเก็บน้ำคอนกรีต อยู่ที่ประมาณ 30–40 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุและการดูแลรักษา
ถังคอนกรีตเหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรม ระบบชลประทาน หรือสถานที่ที่ต้องการเก็บน้ำในปริมาณมาก แต่ต้องระวังเรื่องการแตกร้าวหรือซึมน้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการติดตั้งที่ไม่ถูกต้องหรือวัสดุคุณภาพต่ำ การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจสอบรอยแตกร้าวและซ่อมแซม จะช่วยยืดอายุการใช้งานถังเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถังเก็บน้ำเหล็กเคลือบสังกะสีผลิตจากเหล็กที่ผ่านกระบวนการชุบสังกะสีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม ทำให้มีความแข็งแรงและทนทานกว่าถังเหล็กธรรมดา เหมาะสำหรับการเก็บน้ำในระยะสั้นถึงกลาง โดยทั่วไป อายุการใช้งานถังเก็บน้ำเหล็กเคลือบสังกะสี อยู่ที่ประมาณ 8–12 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการดูแลรักษา ถังประเภทนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานในสภาพอากาศที่ชื้นหรือพื้นที่ที่มีน้ำเค็ม เนื่องจากอาจเกิดการกัดกร่อนและสนิมได้ง่าย
ข้อดีของถังเหล็กเคลือบสังกะสีคือมีราคาย่อมเยาและแข็งแรงกว่าถังพลาสติก แต่ต้องระวังเรื่องการกัดกร่อนและการซึมน้ำ การบำรุงรักษา เช่น การทาสีเคลือบป้องกันสนิมซ้ำ และการตรวจสอบรอยรั่ว จะช่วยยืดอายุการใช้งานถังเก็บน้ำได้มากขึ้น
อายุการใช้งานถังเก็บน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความคุ้มค่าและประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำแต่ละประเภท ถังพลาสติกทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 10-20 ปี เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความคล่องตัวและราคาประหยัด ส่วนถังสแตนเลสมีความแข็งแรง ทนทานต่อการกัดกร่อน และสามารถใช้งานได้นานถึง 30 ปีขึ้นไป ขณะที่ถังคอนกรีตหรือถังปูนมีความทนทานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน แต่ต้องการการดูแลรักษาเพื่อป้องกันการแตกร้าวหรือรั่วซึม การเลือกพิจารณาอายุการใช้งานถังเก็บน้ำที่เหมาะสมและการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ถังเก็บน้ำมีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนาน ลดความจำเป็นในการเปลี่ยนถังบ่อยครั้ง และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่ GREENPAC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถังบำบัดน้ำเสีย และถังเก็บน้ำ ภายใต้แบรนด์ GREENPAC และ PCS พร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เรามีทีมติดตั้งผู้เชี่ยวชาญให้บริการ และการดูแลสินค้าอย่างดีที่สุด เพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ถังพลาสติกทั่วไปมีอายุการใช้งานประมาณ 10-20 ปี ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความคล่องตัวและราคาประหยัด ส่วนถังสแตนเลสจะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อน จึงสามารถใช้งานได้นานกว่า 30 ปีขึ้นไป ขณะที่ถังคอนกรีตหรือถังปูนมีความทนทานสูงและมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการแตกร้าวหรือรั่วซึม
อายุการใช้งานของถังเก็บน้ำขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ เช่น วัสดุที่ใช้ผลิตถังเก็บน้ำ คุณภาพการผลิต การติดตั้งที่ถูกต้อง และสภาพแวดล้อมที่ตั้งถัง รวมถึงการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อความทนทานและอายุการใช้งานของถังเก็บน้ำทั้งสิ้น
การดูแลรักษาถังเก็บน้ำอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยยืดอายุการใช้งาน เช่น ควรตรวจสอบและทำความสะอาดถังอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันการเกิดรอยแตกหรือรั่วซึม หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่อาจทำลายวัสดุของถัง และควรตรวจสอบสภาพถังหลังจากเกิดภัยธรรมชาติเช่น น้ำท่วมหรือแผ่นดินไหว เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ถังเก็บน้ำแบบสแตนเลสมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อนมากกว่าถังเก็บน้ำแบบพลาสติก นอกจากนี้ยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและไม่ทำให้น้ำปนเปื้อนจากวัสดุถัง จึงเหมาะกับการใช้งานในระยะยาวและบริเวณที่ต้องการความปลอดภัยสูง
ถังคอนกรีตเหมาะสำหรับการกักเก็บน้ำในปริมาณมากและใช้งานในระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความมั่นคงและสามารถดูแลรักษาได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามถังคอนกรีตต้องการการติดตั้งและบำรุงรักษาที่ดีเพื่อป้องกันการแตกร้าวหรือรั่วซึมที่อาจเกิดขึ้นได้
ติดต่อเรา