ในยุคที่ปัญหาน้ำขาดแคลนและความไม่แน่นอนด้านการจัดหาน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การมีถังเก็บน้ำภายในบ้านหรืออาคารพาณิชย์ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง “การติดตั้งถังเก็บน้ำ” จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสามารถใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเวลาที่น้ำประปาหยุดจ่ายหรือแรงดันต่ำ ซึ่งนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำรองในกรณีฉุกเฉินแล้ว ถังเก็บน้ำยังช่วยประหยัดค่าน้ำในระยะยาว โดยสามารถกักเก็บน้ำฝนหรือน้ำจากแหล่งอื่น ๆ มาทำประโยชน์ภายในบ้าน เช่น รดน้ำต้นไม้ ซักล้าง หรือแม้แต่เป็นน้ำดื่มหากผ่านการกรองที่เหมาะสม ทั้งนี้ การเลือกและ “ติดตั้งถังเก็บน้ำ” อย่างถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ โดยควรคำนึงถึงพื้นที่ติดตั้ง ระบบท่อ การรองรับน้ำหนัก รวมถึงความปลอดภัยในระยะยาว และนี่คู่มือการติดตั้งถังเก็บน้ำอย่างถูกต้อง
วัสดุของถังเก็บน้ำมีผลโดยตรงต่อความคงทน ความปลอดภัย และการใช้งานในระยะยาว โดยวัสดุยอดนิยมที่ใช้กันทั่วไปมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ พลาสติก สแตนเลส และไฟเบอร์กลาส
ถังพลาสติก เป็นที่นิยมมากที่สุดในกลุ่มครัวเรือน ด้วยคุณสมบัติน้ำหนักเบา ราคาย่อมเยา และเคลื่อนย้ายง่าย ถังคุณภาพดีมักผลิตจากวัสดุ Food Grade ที่ปลอดภัยต่อการเก็บน้ำดื่ม และทนต่อรังสี UV ได้ดี เหมาะทั้งการติดตั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ควรหลีกเลี่ยงถังที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเสื่อมสภาพเร็วและเกิดเชื้อราได้ง่าย
ถังสแตนเลส แข็งแรง ทนแรงกระแทก ไม่เป็นสนิม และไม่ดูดกลิ่นน้ำ เหมาะกับผู้ที่เน้นความสะอาดสูง เช่น เก็บน้ำดื่มโดยตรง แม้จะมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่มีน้ำหนักมาก ราคาสูง และต้องติดตั้งอย่างระมัดระวัง
ถังไฟเบอร์กลาส ทนทานต่อสารเคมีและสภาพอากาศสุดขั้ว เหมาะกับพื้นที่ชายฝั่งหรือโรงงานอุตสาหกรรม น้ำหนักเบาแต่โครงสร้างแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ต้องเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน เพื่อป้องกันการแตกร้าวเมื่อใช้งานนานปี
การเลือกถังที่ได้คุณภาพมาตรฐานก่อนติดตั้งถังเก็บน้ำ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถังเก็บน้ำมีหน้าที่สำคัญในการเก็บน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคในชีวิตประจำวัน ถังที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือมาตรฐานสากลอื่น เช่น ISO, NSF หรือ FDA Food Grade จะช่วยยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่านการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการผลิต วัสดุที่ใช้ ไปจนถึงความปลอดภัยเมื่อนำมาใช้งานจริง
ถังที่ได้มาตรฐานเหล่านี้มักผลิตจากวัสดุปลอดสารพิษ ปราศจากสาร BPA และไม่ปล่อยสารเคมีเมื่อต้องสัมผัสกับแสงแดดหรือความร้อน จึงสามารถมั่นใจได้ว่า น้ำที่เก็บไว้จะไม่ปนเปื้อนและปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อแรงดันน้ำ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และไม่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรก
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อ และติดตั้งถังเก็บน้ำภายในบ้านหรือที่พักต่างๆ คือ เงื่อนไขการรับประกันสินค้า จากผู้ผลิต ถังน้ำที่มีคุณภาพดีมักมาพร้อมการรับประกันตั้งแต่ 1 ถึง 15 ปี โดยครอบคลุมถึงปัญหาที่เกิดจากการแตกร้าว รั่วซึม หรือวัสดุเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร การเลือกถังที่มีทั้งมาตรฐานรับรองและการรับประกันที่ชัดเจนจะช่วยลดความเสี่ยง และคุ้มค่าในระยะยาวมากยิ่งขึ้น
ก่อนติดตั้งถังเก็บน้ำ การเลือกขนาดถังเก็บน้ำให้เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของการวางระบบน้ำในบ้านหรืออาคาร โดยควรพิจารณาจากจำนวนผู้อยู่อาศัยและปริมาณการใช้น้ำในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว คนหนึ่งคนจะใช้น้ำประมาณ 200–300 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้รวมถึงการอาบน้ำ ล้างจาน ซักผ้า และกิจกรรมอื่น ๆ ภายในบ้าน หากบ้านมีผู้อยู่อาศัย 4 คน ปริมาณการใช้น้ำต่อวันอาจสูงถึง 1,200 ลิตร ดังนั้นจึงควรเลือกถังขนาดอย่างน้อย 1,000–2,000 ลิตร เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการใช้น้ำในกิจกรรมอื่นที่อยู่นอกเหนือจากการอยู่อาศัย เช่น การรดน้ำต้นไม้ในสวน การใช้น้ำในระบบสุขาภิบาล หรือแม้แต่การใช้น้ำในอาคารสำนักงาน ร้านค้า หรือโรงงานขนาดเล็ก ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเหมาะสมของขนาดถัง หากต้องการให้ระบบน้ำมีความเสถียร และสามารถกักเก็บน้ำได้ในช่วงที่น้ำประปาขัดข้อง การเลือกถังเก็บน้ำที่มีความจุมากกว่าความต้องการเฉลี่ยต่อวันจะช่วยสร้างความมั่นใจและลดปัญหาในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
ก่อนทำการติดตั้งถังเก็บน้ำ ต้องเลือกพื้นที่ที่มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี และเป็นพื้นราบเพื่อป้องกันการเอียงหรือถังพลิกในระยะยาว พื้นที่ควรปูด้วยแผ่นปูนซีเมนต์ หรือฐานที่มีความมั่นคง หากติดตั้งบนดินหรือทราย ควรอัดแน่นและใช้แผ่นรองถังที่เหมาะสมเพื่อกระจายน้ำหนัก
ควรสำรวจระบบท่อที่มีอยู่เดิมก่อนเริ่มติดตั้งถังเก็บน้ำ เพื่อวางแผนการต่อท่อเข้าออกจากถังอย่างถูกต้อง ป้องกันการรั่วซึมหรือแรงดันตก ทั้งนี้ อาจต้องปรึกษาช่างประปาหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ระบบท่อมีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในบ้านที่ใช้ระบบปั๊มน้ำหรือมีระบบเชื่อมต่อถังเก็บน้ำหลายจุด
เมื่อเตรียมพื้นที่สำหรับวางถังเก็บน้ำ หรือถังพักน้ำเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางถังให้อยู่ในตำแหน่งที่วางแผนไว้ โดยถังจะต้องตั้งอยู่บนพื้นผิวที่เรียบเสมอกันและแนบสนิทกับพื้นโดยรอบ ไม่เอนไปด้านใดด้านหนึ่งหรือเอียงเล็กน้อย เพราะอาจทำให้เกิดแรงกดผิดจุด ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างถังในระยะยาว โดยเฉพาะถังที่มีความจุขนาดใหญ่ หากต้องมีการยึดถังด้วยสายรัดหรือโครงเหล็กเพิ่มเติม ควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นสนิม เช่น สแตนเลสหรือเหล็กชุบกัลวาไนซ์ และต้องยึดให้แน่นโดยไม่ทำให้ผิวถังเกิดรอยขีดข่วนหรือแตกร้าว เพื่อคงประสิทธิภาพการใช้งานและรักษาความปลอดภัย
ถังเก็บน้ำที่มีความจุสูงจะมีน้ำหนักมากโดยเฉพาะเมื่อเติมน้ำเต็มถัง ดังนั้นหากสถานที่ติดตั้งไม่มีฐานคอนกรีตเดิมอยู่ ก่อนที่จะติดตั้งถังเก็บน้ำควรทำการเทพื้นปูนรองรับอย่างมั่นคง โดยพื้นปูนควรมีความหนาอย่างน้อย 10–15 เซนติเมตร และควรเสริมโครงเหล็กภายในเพื่อกระจายแรงและป้องกันการแตกร้าวของฐานในอนาคต พื้นที่ฐานควรมีขนาดกว้างกว่าฐานถังเล็กน้อยเพื่อรองรับแรงกระจายด้านข้าง และควรอยู่ในระดับเดียวกันทั่วทั้งฐาน เพื่อให้ถังวางได้อย่างมั่นคง ไม่โยกหรือเอียงเมื่อติดตั้งเสร็จ การเตรียมฐานที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากเป็นถังขนาด 2,000 ลิตรขึ้นไป เพราะน้ำหนักรวมเมื่อเต็มถังอาจมากกว่า 2 ตัน
การต่อท่อระบายน้ำเข้าและน้ำออกของถังควรดำเนินการอย่างระมัดระวังในการติดตั้งถังเก็บน้ำ เพื่อให้ระบบจ่ายน้ำทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่อน้ำเข้าควรติดตั้งอยู่ด้านบนถังหรือด้านข้างบริเวณส่วนบน เพื่อให้น้ำสามารถไหลเข้าสู่ถังได้โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงหรือแรงดันจากระบบส่งน้ำหลัก ส่วนท่อน้ำออกควรอยู่ที่ด้านล่างสุดของถังเพื่อให้น้ำไหลออกได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถนำไปต่อเข้ากับปั๊มน้ำหรือระบบกรองได้ตามต้องการ หากน้ำที่ใช้มีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคหรือทำอาหาร ควรเลือกใช้ท่อ PVC แบบที่ได้รับรองว่าเหมาะสำหรับน้ำดื่ม (Food Grade) และใช้ข้อต่อที่ทนแรงดันน้ำได้ดี เพื่อป้องกันการรั่วซึมหรือการปนเปื้อนของสารเคมีในระบบน้ำ
หลังจากการติดตั้งถังเก็บน้ำเสร็จสมบูรณ์ในทุกขั้นตอน ควรทำการทดสอบระบบก่อนใช้งานจริงโดยการเติมน้ำเข้าสู่ถัง แล้วเปิดท่อน้ำออกเพื่อดูว่าระบบสามารถไหลเวียนน้ำได้ตามปกติหรือไม่ จุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือมีการรั่วซึมตามรอยต่อหรือข้อต่อของท่อหรือไม่ ระดับน้ำในถังมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือมีแรงดันตกบริเวณท่อจ่ายหรือไม่ หากพบเสียงผิดปกติ เช่น เสียงอากาศในท่อ เสียงน้ำกระแทก หรือแรงดันขาด ๆ หาย ๆ อาจต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อระบบหรือความมั่นคงของฐาน เมื่อตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อย และมั่นใจว่าไม่มีปัญหาใด ๆ แล้ว จึงสามารถใช้งานระบบถังเก็บน้ำได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยในระยะยาว
หากใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติหรือระบบน้ำประปาที่ไม่เสถียร ควรติดตั้งระบบกรองเบื้องต้นก่อนนำน้ำเข้าสู่ถัง เพื่อกรองตะกอน สนิม หรือสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ช่วยยืดอายุการใช้งานของถังและทำให้น้ำสะอาดมากยิ่งขึ้น
วาล์วกันย้อนกลับ (Check Valve) จะช่วยป้องกันน้ำในถังไหลย้อนกลับไปยังระบบท่อน้ำหลัก ซึ่งอาจเป็นอันตรายหากน้ำในถังมีสิ่งเจือปน การติดตั้งวาล์วนี้ควรทำที่ตำแหน่งท่อน้ำออกเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ในการติดตั้งถังเก็บน้ำ หากต้องการใช้น้ำจากถังเก็บน้ำกับจุดใช้น้ำหลายจุด ควรเชื่อมต่อกับปั๊มน้ำเพื่อเพิ่มแรงดัน โดยต้องเลือกปั๊มที่มีแรงดันเหมาะสมกับความสูงของบ้านและจำนวนจุดจ่ายน้ำ พร้อมทั้งติดตั้ง Pressure Tank หรือถังแรงดันร่วมเพื่อความเสถียรในการจ่ายน้ำ
ควรถ่ายน้ำออกจากถังทุก 6–12 เดือนเพื่อล้างทำความสะอาดภายใน ป้องกันการสะสมของตะกอน เชื้อรา หรือแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ การล้างควรใช้แปรงขนอ่อนหรือแรงดันน้ำในการทำความสะอาด ไม่ควรใช้สารเคมีที่รุนแรง
หากน้ำมีกลิ่นหรือเปลี่ยนสี อาจเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียหรือสนิม ควรตรวจสอบระบบกรองและทำความสะอาดถังทันที หากปัญหายังไม่หมดไป อาจต้องตรวจสอบแหล่งน้ำหรือพิจารณาเปลี่ยนวัสดุท่อหรือถังเก็บน้ำ
“การติดตั้งถังเก็บน้ำ” อย่างถูกวิธี ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีแหล่งน้ำสำรองที่ปลอดภัย แต่ยังส่งเสริมให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างยั่งยืนและประหยัดมากขึ้น การวางแผนแต่แรกตั้งแต่เลือกขนาดถัง พื้นที่ติดตั้ง วัสดุ และการเชื่อมต่อระบบ จะช่วยให้คุณใช้งานถังน้ำได้ยาวนานและคุ้มค่าที่สุด หากคุณกำลังมองหาถังเก็บน้ำคุณภาพสูง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือเยี่ยมชมผลงานการติดตั้งจากผู้เชี่ยวชาญ และสามารถติดต่อเราได้ทันทีที่ GREENPAC
ถังเก็บน้ำช่วยให้คุณมีน้ำใช้ได้ต่อเนื่อง แม้น้ำประปาไม่ไหลหรือแรงดันต่ำ เป็นแหล่งน้ำสำรองฉุกเฉินและช่วยประหยัดค่าน้ำด้วยการกักเก็บน้ำฝน
เลือกตามวัสดุ: พลาสติก (เบา ราคาถูก), สแตนเลส (แข็งแรง เหมาะกับน้ำดื่ม), ไฟเบอร์กลาส (ทนสารเคมี). ควรมีมาตรฐานรับรองและการรับประกัน
โดยเฉลี่ย 1 คนใช้น้ำ 200-300 ลิตร/วัน สำหรับ 4 คน ควรใช้ถังขนาด 1,000-2,000 ลิตร เพื่อให้เพียงพอและเผื่อกรณีฉุกเฉิน
พื้นที่ติดตั้งต้องราบและแข็งแรง รองรับน้ำหนักถังได้ ควรมีฐานปูนซีเมนต์หนา 10-15 ซม. ตรวจสอบระบบท่อน้ำเดิมและปรึกษาช่าง
ล้างทำความสะอาดภายในถังทุก 6-12 เดือน เพื่อป้องกันตะกอน เชื้อรา หากน้ำมีกลิ่นหรือสีผิดปกติ ให้ตรวจสอบระบบกรองและทำความสะอาดทันที
ติดต่อเรา