LINE @

@greenpac

EMAIL

greenpactank@hotmail.com

@greenpac

081 348 1159

EMAIL

ปัญหายอดฮิตของถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน และวิธีแก้ไขเบื้องต้น

ปัญหาที่เจอบ่อยของถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน

ถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน เป็นอุปกรณ์สำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม เพราะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ในความเป็นจริง ถังบำบัดทำหน้าที่สำคัญในการจัดการน้ำเสียจากการใช้งานประจำวัน เช่น การชำระล้าง การอาบน้ำ หรือการใช้ห้องน้ำ หากเกิดปัญหากับถังบำบัดเมื่อใด อาจส่งผลกระทบทั้งต่อสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ ปัญหายอดฮิตที่มักเกิดขึ้นกับถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่สามารถทำได้เองหรือรู้เท่าทัน เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของถังบำบัดน้ำเสีย ลดกลิ่นเหม็น และหลีกเลี่ยงปัญหาท่อน้ำอุดตันที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

ปัญหาที่พบบ่อยของถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน และวิธีแก้ไข

ระบบถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยจัดการน้ำเสียจากกิจกรรมประจำวัน เช่น การอาบน้ำ ล้างจาน และการใช้งานห้องน้ำ ให้ปลอดภัยก่อนปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อม แต่เมื่อใช้งานไปนาน ๆ โดยไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม ก็อาจเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นได้ ต่อไปนี้เราจะรวบรวมปัญหายอดฮิตที่เจ้าของบ้านควรรู้ พร้อมแนวทางแก้ไขเบื้องต้นที่ทำได้ไม่ยาก เพื่อช่วยให้ถังบำบัดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น

ถังบำบัดน้ำเสียมีกลิ่น

1. กลิ่นเหม็นลอยขึ้นมาจากท่อหรือบริเวณรอบถัง

ถังเก็บน้ำมีกลิ่น เกิดจากอะไร? ปัญหากลิ่นเหม็น เป็นหนึ่งในสัญญาณแรก ๆ ที่บ่งบอกว่าถังบำบัดน้ำเสียในบ้านอาจกำลังมีปัญหา โดยเฉพาะกลิ่นที่ลอยขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ พื้นห้องน้ำ หรือบริเวณรอบ ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัย แต่ยังอาจบ่งบอกถึงการย่อยสลายที่ไม่สมบูรณ์ หรือปัญหาด้านสุขาภิบาลที่ควรได้รับการแก้ไขทันที 

สาเหตุที่พบบ่อย

  • ของเสียย่อยสลายไม่หมด ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านบางชนิดใช้การหมักแบบไม่เติมอากาศ หากไม่มีจุลินทรีย์เพียงพอ หรือการบำบัดทำได้ไม่เต็มที่ จะเกิดก๊าซเน่าเหม็น เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งมีกลิ่นคล้ายไข่เน่า
  • ช่องระบายอากาศอุดตัน ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านต้องมีท่ออากาศเพื่อระบายก๊าซ หากท่อนี้อุดตัน อากาศภายในจะดันกลิ่นย้อนกลับขึ้นมาตามท่อระบายน้ำในบ้าน
  • มีการทิ้งของเสียไม่เหมาะสม เช่น การเทน้ำมันพืช ไขมัน หรือเศษอาหารลงท่อบ่อย ๆ ไขมันเหล่านี้จะจับตัวและเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น และยังรบกวนการทำงานของจุลินทรีย์
  • การใช้สารเคมีรุนแรงเกินไป อย่าง สารฟอกขาว น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือกรดเข้มข้นอาจฆ่าจุลินทรีย์ในถัง ส่งผลให้การย่อยสลายของเสียลดลง กลายเป็นต้นตอของกลิ่น

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • ล้างท่อระบายอากาศ ตรวจสอบว่าท่อระบายอากาศของถังบำบัดไม่อุดตัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่ใบไม้หรือเศษขยะอาจเข้าไปอุดทางเดินของลม
  • เติมจุลินทรีย์ชีวภาพ โดยใช้จุลินทรีย์สำเร็จรูปสำหรับถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเดือนละครั้ง เพื่อช่วยย่อยสลายของเสียและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • หลีกเลี่ยงการทิ้งไขมันและเศษอาหารลงท่อ โดยเฉพาะจากอ่างล้างจาน ควรติดตะแกรงกรองเศษอาหาร และเทไขมันลงถุงหรือขวดก่อนนำไปทิ้งอย่างถูกวิธี
  • ลดการใช้สารเคมีแรง ๆ ให้ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำชนิดอ่อน และหลีกเลี่ยงการเทกรดหรือด่างลงในท่อโดยตรง
  • ตรวจสอบรอยรั่วรอบถัง เพราะกลิ่นอาจลอยออกจากฝาปิดที่ไม่แน่น หรือรอยรั่วใต้ดิน ควรให้ช่างมาตรวจสอบหากกลิ่นแรงและต่อเนื่อง
ท่อระบายน้ำอุดตัน

2. น้ำระบายช้า หรือเกิดน้ำล้นจากท่อระบายน้ำ

หนึ่งในปัญหาที่เจ้าของบ้านหลายคนพบเจอ คือ น้ำในห้องน้ำหรืออ่างล้างมือระบายช้าผิดปกติ หรือในบางกรณีอาจถึงขั้น ล้นย้อนกลับขึ้นมาจากท่อ ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้งานแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบถังบำบัดน้ำเสียในบ้านของคุณกำลังมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

สาเหตุที่พบบ่อย

  • ถังบำบัดเต็มหรือมีตะกอนสะสมมากเกินไป ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านที่ไม่ได้รับการดูแลหรือดูดตะกอนตามรอบเวลา จะมีตะกอนสะสมจนเต็มพื้นที่การบำบัด ทำให้น้ำเสียไหลผ่านได้ช้าลง และในที่สุดก็จะล้นออกมาทางท่อ
  • ท่อระบายน้ำอุดตัน เศษผม เศษอาหาร ไขมัน หรือของเสียจากการใช้งานสะสมอยู่ในท่อเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการอุดตันจนระบบระบายน้ำทำงานได้ไม่ดี
  • ระบบติดตั้งผิดระดับความลาดเอียง หากท่อติดตั้งโดยไม่มีความลาดเอียงเพียงพอ หรือลาดผิดทาง น้ำจะไหลย้อนกลับหรือติดค้างในระบบ
  • บ่อพักน้ำอุดตันหรือไม่ได้ทำความสะอาด ระบบระบายน้ำบางบ้านมีบ่อดักไขมันหรือบ่อพักก่อนเข้าถัง หากไม่ได้เปิดฝาทำความสะอาด ก็อาจทำให้น้ำขังและล้นได้

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • ตรวจสอบระดับน้ำในถังบำบัด หากใช้งานถังบำบัดน้ำเสียในบ้านมานานเกิน 1 ปี และยังไม่เคยดูดตะกอน อาจถึงเวลาต้องเรียกรถดูดส้วมหรือผู้ให้บริการมาทำความสะอาดถังบำบัด
  • ล้างท่อระบายน้ำด้วยน้ำร้อนหรือสารชีวภาพ ใช้น้ำร้อน (ไม่ใช่น้ำเดือด) เทลงท่อระบายสัปดาห์ละครั้ง เพื่อละลายคราบไขมัน และสามารถเสริมด้วยจุลินทรีย์ชีวภาพเพื่อช่วยย่อยเศษอินทรีย์
  • ใช้สายล้างท่อ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาด หากน้ำยังระบายไม่ดี ควรใช้ “งูเหล็ก” หรือสายล้างท่อช่วยดึงสิ่งอุดตันออก
  • ปรับปรุงหรือแก้ไขความลาดเอียงของท่อ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดจากการติดตั้งท่อผิด ควรปรึกษาช่างประปามืออาชีพเพื่อปรับแก้ให้ถูกต้อง
  • ทำความสะอาดบ่อพักหรือบ่อดักไขมัน หากบ้านมีระบบบ่อพักน้ำหรือดักไขมัน ควรเปิดฝาและตักสิ่งตกค้างออกเดือนละครั้ง

3. ระบบเติมอากาศไม่ทำงาน (ในกรณีที่ใช้ถังแบบเติมอากาศ)

สำหรับบ้านที่ใช้ ถังบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ (Aerobic System) ระบบนี้อาศัยการเติมออกซิเจนเข้าไปในถัง เพื่อให้แบคทีเรียใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายของเสียได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าระบบไม่เติมอากาศ หากระบบเติมอากาศไม่ทำงาน ก็จะทำให้กระบวนการของถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเสียสมดุล ส่งผลให้น้ำเสียมีกลิ่นเหม็น ย่อยสลายไม่หมด และอาจเกิดการอุดตันภายในถังได้ในระยะยาว

สาเหตุที่พบบ่อย

  • ปั๊มลมเสียหรือหยุดทำงาน เครื่องเติมอากาศ (Air Pump) เป็นหัวใจของถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน หากตัวเครื่องชำรุดหรือเสื่อมสภาพ จะไม่สามารถจ่ายลมเข้าสู่ถังได้
  • สายไฟหลุดหรือแหล่งจ่ายไฟขัดข้อง ปั๊มลมต้องต่อเข้ากับไฟฟ้า หากปลั๊กหลุด สวิตช์ปิด หรือสายไฟชำรุด ระบบจะหยุดทำงานทันที
  • หัวกระจายอากาศ (Diffuser) อุดตัน หัวจ่ายลมที่อยู่ก้นถังอาจอุดตันจากคราบตะกอน ทำให้ลมไม่สามารถกระจายออกมาได้แม้ปั๊มยังทำงาน

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • ตรวจสอบปลั๊กและแหล่งจ่ายไฟ ตรวจสอบว่าปั๊มลมยังเสียบปลั๊กอยู่หรือไม่ สวิตช์เปิดหรือเปล่า และมีไฟฟ้าเข้าหรือไม่
  • ฟังเสียงการทำงานของปั๊มลม หากปั๊มลมทำงานปกติ ควรได้ยินเสียงฮึมเบา ๆ หรือเสียงลม ถ้าเงียบสนิท อาจเครื่องเสียหรือสายไฟหลุด
  • ล้างหรือเปลี่ยนหัวกระจายอากาศ ถอดหัว Diffuser ออกมาล้างด้วยน้ำสะอาด หรือแช่ในน้ำผสมกรดอ่อน ๆ เช่น น้ำส้มสายชู เพื่อขจัดคราบตะกอน
  • หากปั๊มลมเสีย ให้เปลี่ยนใหม่โดยเลือกขนาดที่เหมาะสมกับถัง
    เลือกปั๊มลมที่มีกำลังลมเพียงพอ เช่น 40–60 ลิตรต่อนาที สำหรับถังขนาดกลาง หรือปรึกษาผู้ขายถังบำบัดน้ำเสียในบ้านโดยตรง

 

ถังบำบัดแตกร้าว

4. ถังบำบัดแตกร้าว หรือเกิดรอยรั่ว

ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านถูกฝังไว้ใต้ดินและมักจะถูกละเลยเรื่องการตรวจสอบสภาพ แม้จะเป็นวัสดุที่ออกแบบมาให้ทนทาน แต่เมื่อใช้งานไปนานๆ ก็อาจเกิด รอยร้าว รั่วซึม หรือโครงสร้างเสียหาย ได้ ซึ่งปัญหานี้ถือว่า “ใหญ่” กว่าที่หลายคนคิด เพราะไม่เพียงแค่ทำให้น้ำเสียรั่วไหลสู่ดินโดยตรง แต่ยังเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และอาจผิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมหรือสุขาภิบาลได้ในบางพื้นที่

สาเหตุที่พบบ่อย

  • อายุการใช้งานนานเกินไป ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านที่ใช้งานมาเกิน 10–15 ปี โดยไม่เคยเปลี่ยน อาจเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ วัสดุเริ่มเปราะและแตกร้าว
  • แรงกดทับจากภายนอก เช่น การจอดรถทับบริเวณที่ฝังถัง หรือมีสิ่งก่อสร้างถาวรคร่อมทับถัง อาจทำให้ตัวถังบิดงอ หรือเกิดแรงอัดจนแตกร้าวได้
  • ดินทรุดหรือการติดตั้งไม่ถูกวิธี ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านที่ติดตั้งในพื้นที่ดินอ่อนหรือไม่มีฐานรองรับอย่างเหมาะสม อาจเกิดการเคลื่อนตัวเมื่อดินทรุด ทำให้ถังแตกร้าว
  • วัสดุถังไม่ได้มาตรฐาน ถังราคาถูกหรือไม่มีมาตรฐาน มอก. มักผลิตจากพลาสติกบางหรือโครงสร้างไม่แข็งแรง เมื่อเจอสภาพใช้งานจริงอาจรั่วง่าย

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • กรณีรอยรั่วเล็กน้อย ใช้ซีลซิลิโคนกันน้ำ หรือเรซินกันรั่วเฉพาะจุดอุดรอยรั่วชั่วคราว แต่ควรเป็นการแก้ชั่วคราวเท่านั้น
  • กรณีรอยร้าวหรือโครงสร้างเสียหาย ควรเปลี่ยนถังบำบัดน้ำเสียในบ้านใหม่ทันที และให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดำเนินการติดตั้งใหม่อย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องฐานราก ความลึก และระบบท่อ
  • เลือกถังใหม่ให้เหมาะสม ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านควรมีมาตรฐาน มอก. ขนาดเหมาะกับจำนวนคนในบ้าน และใช้วัสดุคุณภาพสูง เช่น พลาสติก HDPE หรือคอนกรีตเสริมเหล็ก
  •  
ดูดตะกอนถังบำบัดน้ำเสีย

5. ตะกอนสะสมมากเกินไปในถังบำบัดน้ำเสีย

ในกระบวนการบำบัดน้ำเสียของถังบำบัดน้ำเสีย จะเกิดของเสียที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ทั้งหมด เช่น เศษอาหาร เศษผม หรือของแข็งจากการชะล้างต่าง ๆ ซึ่งจะตกตะกอนสะสมอยู่ก้นถังเป็นชั้นหนาเรียกว่า ตะกอน ตะกอนนี้เมื่อสะสมมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของระบบบำบัดอย่างมาก

สาเหตุที่พบบ่อย 

  • ไม่ได้ดูดตะกอนหรือบำรุงรักษาตามรอบเวลาที่แนะนำ เจ้าของบ้านมักลืมหรือไม่รู้ว่าต้องเรียกดูดตะกอนถังบำบัดเป็นระยะ ๆ ทำให้ตะกอนสะสมจนเต็ม
  • จำนวนผู้ใช้งานมากกว่าขนาดถังบำบัดที่ออกแบบไว้ ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านที่เล็กเกินไปสำหรับจำนวนผู้อยู่อาศัย จะทำให้ตะกอนเพิ่มเร็วและเต็มไว
  • การเทของเสียที่ไม่เหมาะสมลงท่อ เช่น การทิ้งเศษอาหารมากเกินไป หรือสิ่งของแข็งที่ไม่ควรทิ้งในท่อ เช่น ผ้าอนามัย กระดาษชำระจำนวนมาก
  • ปัญหาระบบเติมอากาศไม่ทำงาน ในถังแบบเติมอากาศ หากระบบเติมอากาศเสียหาย แบคทีเรียจะทำงานไม่เต็มที่ ทำให้ตะกอนย่อยสลายไม่หมด

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

  • เรียกดูดตะกอนถังบำบัดเป็นประจำ ควรดูดตะกอนถังบำบัดน้ำเสียในบ้านทุก 1-3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดถังและจำนวนผู้อยู่อาศัย เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ระบบบำบัดทำงานได้เต็มที่
  • เลือกขนาดถังให้เหมาะสมกับจำนวนคนในบ้าน การเลือกถังที่ใหญ่เพียงพอจะช่วยลดความถี่ในการดูดตะกอนได้
  • หลีกเลี่ยงการทิ้งของแข็งหรือเศษอาหารลงท่อ โดยใช้ตะแกรงกรองเศษอาหาร และหลีกเลี่ยงการทิ้งสิ่งที่ไม่ละลายน้ำลงไปในท่อ
  • ดูแลระบบเติมอากาศให้ทำงานได้ดี (สำหรับถังเติมอากาศ) ตรวจสอบปั๊มลมและหัวจ่ายอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แบคทีเรียย่อยตะกอนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

วิธีป้องกันไม่ให้ถังบำบัดน้ำเสียในบ้านเกิดปัญหาในอนาคต

การดูแลถังบำบัดน้ำเสียในบ้านไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เพียงแค่ใส่ใจและหมั่นตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เช่น ดูดตะกอนตามรอบ เติมจุลินทรีย์ชีวภาพ หลีกเลี่ยงการเทสารเคมีรุนแรง หรือไม่ทิ้งของแข็งลงท่อ ก็สามารถช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ ทั้งยังช่วยยืดอายุถังและรักษาสิ่งแวดล้อมรอบบ้านให้ปลอดภัยและน่าอยู่ไปอีกนาน

แม้ว่าถังบำบัดน้ำเสียในบ้านจะเป็นระบบที่ซ่อนอยู่ใต้ดินและไม่ได้ถูกใช้งานโดยตรง แต่หากเกิดปัญหาขึ้น ก็สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย ตั้งแต่กลิ่นเหม็นรบกวน ไปจนถึงระบบระบายน้ำที่ไม่ทำงานหรือสิ่งแวดล้อมรอบบ้านเสียหาย ดังนั้นการรู้เท่าทันปัญหายอดฮิต เช่น กลิ่นเหม็น น้ำระบายช้า ถังรั่ว หรือการบำบัดที่ไม่สมบูรณ์ พร้อมกับมีแนวทางดูแลเบื้องต้นที่ถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของถังบำบัดน้ำเสียในบ้านลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และรักษาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่างติดตั้งถังบำบัดน้ำเสีย

สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่ GREENPAC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถังบำบัดน้ำเสีย และถังเก็บน้ำ ภายใต้แบรนด์ GREENPAC และ PCS พร้อมดีไซน์ล้ำสมัย ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เรามีทีมติดตั้งผู้เชี่ยวชาญให้บริการ และการดูแลสินค้าอย่างดีที่สุด เพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับถังบำบัดน้ำเสียในบ้าน

ควรดูดตะกอนทุก 1–3 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดของถังและจำนวนผู้อยู่อาศัย หากใช้งานหนักหรือมีจำนวนคนอยู่เยอะ ควรดูดปีละครั้ง

อาจเกิดจากตะกอนสะสมมากเกินไป หรือระบบเติมอากาศไม่ทำงาน หากเป็นถังแบบไม่เติมอากาศ ให้ลองเติมจุลินทรีย์ชีวภาพทุกเดือน และตรวจสอบว่าท่อระบายอากาศทำงานปกติหรือไม่

สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง เช่น กรดหรือด่างแรง ๆ อาจฆ่าแบคทีเรียในระบบบำบัด ทำให้ระบบทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “ปลอดภัยกับถังบำบัดน้ำเสีย”

หากพบรอยรั่วขนาดเล็ก สามารถอุดชั่วคราวด้วยซิลิโคนกันน้ำหรือเรซิน แต่หากเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่หรือโครงสร้างเสียหาย ควรเปลี่ยนถังใหม่ และให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดำเนินการติดตั้ง

สังเกตจากกลิ่นเหม็น น้ำมีสีเข้ม หรือมีตะกอนปนออกมา ซึ่งบ่งบอกว่าระบบในถังไม่สามารถย่อยสลายของเสียได้สมบูรณ์ ควรตรวจสอบระบบทั้งหมดและดูแลถังตามคำแนะนำ

บทความล่าสุดของเรา