LINE @

@greenpac

EMAIL

greenpactank@hotmail.com

@greenpac

081 348 1159

EMAIL

สัญญาณเตือนถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา ที่ไม่ควรมองข้าม

ถังบำบัดน้ำเสีย เป็นหัวใจของระบบจัดการน้ำเสียในบ้าน อาคารสำนักงาน และสถานประกอบการต่าง ๆ โดยทำหน้าที่กรองและกำจัดสิ่งปนเปื้อนก่อนปล่อยน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติ หากระบบนี้ทำงานผิดปกติ ไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังกระทบต่อสุขภาพและอาจละเมิดกฎหมายได้ ปัญหาของถังบำบัดน้ำเสียมักไม่แสดงอาการชัดเจนในช่วงแรก จึงมักถูกมองข้ามจนเกิดความเสียหายรุนแรง การรู้เท่าทัน “สัญญาณเตือน” ว่าถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา จึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถซ่อมแซมหรือดูแลได้ก่อนเกิดผลกระทบ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 8 สัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา  

ถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา

8 สัญญาณถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา ควรตรวจสอบด่วน!

ถังบำบัดน้ำเสีย คือส่วนสำคัญในระบบจัดการน้ำเสียของบ้านและอาคาร หากเกิดปัญหา อาจนำไปสู่กลิ่นเหม็น การไหลย้อนของน้ำ หรือแม้แต่ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การรู้ทันสัญญาณเตือนตั้งแต่ระยะแรกจึงช่วยให้คุณสามารถแก้ไขได้ทัน ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต และนี่คือ 8 สัญญาณผิดปกติที่ไม่ควรมองข้าม

1. น้ำไหลย้อนกลับจากท่อน้ำทิ้ง

หนึ่งในสัญญาณที่เห็นได้ชัดที่สุดว่าระบบถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา คือการที่น้ำเสียไหลย้อนกลับขึ้นมาตามท่อน้ำทิ้งภายในบ้าน เช่น ที่พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า หรือท่อพื้นครัว สถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงก่อให้เกิดความสกปรก แต่ยังอาจส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง และทำให้พื้นห้องสกปรกและลื่น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว น้ำไหลย้อนเกิดจากความดันที่เพิ่มขึ้นในระบบเนื่องจากมีการอุดตัน หรือถังบำบัดเต็มจนไม่สามารถรองรับน้ำเสียใหม่ได้อีกต่อไป หรืออาจเกิดจากปั๊มในระบบทำงานผิดปกติทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ หากปล่อยไว้นานจะยิ่งทำให้ระบบเสียหายลุกลาม ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทันทีที่พบสัญญาณนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่ต้องซ่อมแซมในวงกว้างในภายหลัง

2. มีกลิ่นเหม็นผิดปกติในบริเวณใกล้ถัง

กลิ่นเหม็นเน่าที่โชยขึ้นมาจากท่อภายในบ้านหรือบริเวณโดยรอบถังบำบัด เป็นสัญญาณเตือนของถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาที่มักเกิดจากกระบวนการบำบัดในถังทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะหากมีก๊าซมีเทน (Methane) หรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen Sulfide) ซึ่งเป็นก๊าซที่มีกลิ่นคล้ายไข่เน่า ลอยออกมาเป็นระยะๆ กลิ่นเหม็นจากถังบำบัดน้ำเสีย เกิดจากการย่อยสลายแบบไม่สมบูรณ์ของเศษอาหาร ไขมัน หรือของเสียอินทรีย์ในถัง หากระบบระบายอากาศ (Ventilation) ของถังอุดตัน หรือมีระดับน้ำในถังไม่เหมาะสม ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กลิ่นลอยกลับเข้ามาในตัวบ้าน การดูแลให้ถังมีระบบระบายอากาศดี และรักษาความสมดุลของจุลินทรีย์ภายในถัง จึงเป็นสิ่งจำเป็น

3. มีน้ำเสียขังบริเวณรอบถังหรือพื้นดินชื้นผิดปกติ

หากพบว่า พื้นดินรอบถังบำบัดมีลักษณะเปียกชื้นตลอดเวลา หรือน้ำเสียเริ่มซึมออกจากพื้น นั่นอาจเป็นผลมาจากถังบำบัดเกิดรอยรั่ว รอยร้าว หรือท่อเชื่อมต่อเกิดการแตกรั่ว สถานการณ์เช่นนี้อาจไม่เพียงส่งกลิ่นเหม็นเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของแหล่งน้ำใต้ดิน และยังส่งผลให้ดินบริเวณฐานรากอาคารอ่อนตัว ซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างบ้านโดยตรง หากพบพื้นที่เปียกแฉะผิดปกติ ควรขุดตรวจสอบทันที หรือใช้บริการกล้องตรวจรอยรั่วในระบบ เพื่อหาจุดรั่วและดำเนินการซ่อมแซมอย่างทันท่วงที

มีน้ำเสียขังบริเวณรอบถังหรือพื้นดินชื้นผิดปกติ

4. ระดับน้ำในถังผิดปกติ (สูงเกินหรือแห้งเกินไป)

ระดับน้ำในถังบำบัดที่สูงจนเกือบล้น หรือแห้งผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการอุดตันของท่อทางออก หรือเกิดปัญหากับระบบปั๊มและกรองภายในถัง หากน้ำเต็มจนล้น หมายถึงน้ำเสียไม่สามารถระบายออกได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ย้อนกลับเข้าสู่ระบบท่อภายในบ้าน ขณะที่ถังแห้งผิดปกติ อาจหมายถึงน้ำรั่วซึมหรือไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ในระดับที่เหมาะสม วิธีง่าย ๆ ที่เจ้าของบ้านสามารถทำได้คือ เปิดฝาถังเพื่อสังเกต หรือใช้สายวัดเพื่อวัดระดับน้ำเทียบกับระดับที่เหมาะสมที่ผู้ติดตั้งแนะนำไว้ หากพบค่าผิดปกติ ควรหยุดใช้ระบบชั่วคราวและติดต่อผู้เชี่ยวชาญทันที

5. เครื่องใช้ภายในบ้านระบายน้ำช้าลง

ปัญหาเรื่องการระบายน้ำในเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ซิงก์ อ่างล้างจาน หรืออ่างล้างหน้า ที่ไหลช้าลงโดยไม่พบการอุดตันในตัวอ่างเอง อาจเกิดจากระบบท่อระหว่างบ้านกับถังบำบัด หรือท่อทางออกจากถังเริ่มเกิดการสะสมของตะกอน ไขมัน หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ การระบายน้ำที่ช้าจะสังเกตได้ง่ายจากการมีเสียง “ปุด ๆ” หลังจากใช้น้ำ หรือเกิดน้ำขังสักพักก่อนจะไหลลงได้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้ท่ออุดตันทั้งระบบ การตรวจสอบและล้างท่อเชื่อมต่อกับถังบำบัดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาแบบนี้ได้

เครื่องใช้ภายในบ้านระบายน้ำช้าลง

6. ได้ยินเสียงผิดปกติจากในถังบำบัด

ถังบำบัดบัดน้ำเสียมีเสียง “ปุดๆ” หรือเสียง “ครืดๆ” ที่มาจากถังบำบัด แม้ขณะที่ไม่ได้ใช้น้ำ อาจบ่งบอกว่าภายในถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาการสะสมของก๊าซหรือแรงดันผิดปกติ ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการย่อยสลายที่ไม่สมดุล เช่น การสะสมของมีเทนมากเกินไป หรือการอุดตันของท่อระบายก๊าซ เมื่อไม่มีทางระบาย ก๊าซเหล่านี้จะรวมตัวเป็นแรงดันภายในถัง เสี่ยงต่อการระเบิดหรือการรั่วไหลของสารพิษ การตรวจสอบระบบระบายก๊าซและการล้างถังอย่างเหมาะสม จึงควรทำเป็นประจำ โดยเฉพาะถ้าถังมีอายุใช้งานมาหลายปีแล้ว

7. น้ำเสียที่ระบายออกมีลักษณะขุ่นหรือมีกลิ่นรุนแรง

น้ำที่ออกจากถังบำบัดควรมีลักษณะใสหรือกึ่งใส ไม่มีกลิ่นเหม็นแรง เพราะหมายถึงการบำบัดของเสียภายในทำงานได้ดี หากสังเกตว่าน้ำที่ออกมาขุ่น มีกลิ่นคล้ายของเน่า หรือมีกากปนเปื้อนจำนวนมาก นั่นอาจหมายถึงระบบชีวภาพภายในถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา เช่น จุลินทรีย์ที่ใช้ในการย่อยสลายไม่ทำงาน อาจเกิดจากการใช้น้ำยาล้างหรือสารเคมีแรง ๆ บ่อยครั้ง หรือปริมาณน้ำเสียมากเกินกำลังการบำบัดของถัง วิธีแก้เบื้องต้นคือเติมจุลินทรีย์ใหม่ หยุดใช้สารเคมีบางชนิด หรือพิจารณาอัปเกรดระบบให้รองรับน้ำเสียได้มากขึ้น

8. ระบบบำบัดมีอายุการใช้งานนานเกิน 10 ปีโดยไม่เคยปรับปรุง

ถึงแม้ถังบำบัดจะยังไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน แต่หากถังมีอายุเกิน 10 ปี โดยไม่เคยล้างถัง เปลี่ยนระบบ หรือดูแลรักษาใด ๆ เลย นั่นอาจหมายถึงความเสี่ยงที่อาจทำให้ถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา เนื่องจากวัสดุภายในเสื่อมสภาพ จุลินทรีย์หมดอายุ ระบบกรองไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดการสะสมของตะกอนในปริมาณมาก การตรวจเช็กระบบทุก 1–2 ปี หรือเปลี่ยนถังหากหมดอายุการใช้งาน และควรซื้อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตถังเก็บบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของน้ำเสีย ป้องกันการเสียหายที่รุนแรงต่ออาคารหรือสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

การดูแลถังบำบัดน้ำเสีย เพื่อป้องกันการมีปัญหา

การดูแลถังบำบัดน้ำเสียอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เริ่มต้นจากการตรวจสอบระดับน้ำในถังเดือนละครั้ง หากพบว่าระดับสูงเกินไปหรือต่ำผิดปกติ ควรหยุดใช้ระบบชั่วคราวและติดต่อผู้เชี่ยวชาญทันที นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำมัน ไขมัน หรือเศษอาหารลงท่อระบายน้ำ เพราะสิ่งเหล่านี้มักสะสมและเป็นต้นเหตุของการอุดตันในระบบบำบัด

อีกวิธีที่สำคัญคือการเติมจุลินทรีย์สำหรับช่วยย่อยสลายของเสียเป็นประจำ โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับระบบที่ใช้งาน เพื่อช่วยให้ถังทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดกลิ่นเหม็นที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงควรล้างถังหรือตรวจเช็กระบบทุก 1–2 ปี เพื่อขจัดตะกอนและตรวจหารอยรั่วหรือการเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ภายใน

สุดท้าย อย่าละเลยสัญญาณเตือนเล็ก ๆ ที่บ่งบอกว่าถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหา เช่น กลิ่นผิดปกติ หรือการระบายน้ำช้า เพราะมักเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ การดูแลเชิงป้องกันจะช่วยให้ถังบำบัดน้ำเสียมีอายุการใช้งานยาวนาน ประหยัดค่าใช้จ่าย และรักษาสิ่งแวดล้อมรอบบ้านให้น่าอยู่ได้ในระยะยาว

การรู้เท่าทันปัญหาช่วยป้องกันค่าใช้จ่ายในอนาคต

ระบบถังบำบัดน้ำเสียที่ดีต้องดูแลอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่จะส่งกลิ่นเหม็นและความไม่สะดวกในชีวิตประจำวัน แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาโครงสร้างอาคาร ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมจำนวนมาก ไปจนถึงความเสี่ยงทางกฎหมายจากการปล่อยน้ำเสียโดยไม่ได้รับอนุญาต การรู้เท่าทัน 8 สัญญาณเตือนถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถดำเนินการตรวจสอบ แก้ไข และดูแลระบบบำบัดได้ทันเวลา ช่วยยืดอายุการใช้งานของถัง และลดความเสียหายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการป้องกันที่ดีที่สุดเบื้องต้นคือ การเลือกถังบำบัดบัดน้ำเสียที่มีคุณภาพ เพื่อวัสดุที่คงทนและได้มาตรฐานเพื่อการใช้งานในระยะยาวอย่างดีที่สุด

คำถามที่พบบ่อย

กลิ่นเหม็นดังกล่าวอาจเกิดจากก๊าซมีเทนหรือไฮโดรเจนซัลไฟด์ ควรตรวจสอบระบบระบายอากาศของถังว่าทำงานได้ดีหรือไม่ และพิจารณาเติมจุลินทรีย์เพื่อช่วยย่อยสลายของเสีย

ควรล้างหรือบำรุงรักษาทุก 1–2 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดถังและปริมาณการใช้งาน เพื่อลดการสะสมของตะกอนและป้องกันการอุดตันที่ทำให้ระบบถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาได้

หากถังบำบัดน้ำเสียมีปัญหาเสียงดังกล่าว อาจบ่งชี้ว่ามีการสะสมของก๊าซหรือแรงดันผิดปกติภายในถัง ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบระบบระบายก๊าซทันที

หากพบพื้นดินรอบถังเปียกชื้น หรือน้ำเสียซึมออกมา แสดงว่าถังอาจมีรอยรั่วหรือท่อแตกรั่ว ควรเร่งตรวจสอบและซ่อมแซมทันที

ไม่แนะนำให้ใช้สารเคมีแรง ๆ เพราะจะทำลายจุลินทรีย์ในถังที่ทำหน้าที่ย่อยสลายของเสีย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะกับระบบชีวภาพ

บทความล่าสุดของเรา