ถังเก็บน้ำคืออะไร

ถังเก็บน้ำคือภาชนะหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บน้ำ เพื่อใช้งานในบ้าน อาคาร หรืออุตสาหกรรม ช่วยให้สามารถสำรองน้ำไว้ใช้ได้เมื่อจำเป็น เช่น สำหรับน้ำประปา น้ำฝน หรือน้ำสำรองฉุกเฉิน ถังเก็บน้ำมีหลายประเภท เช่น ถัง PE, ถังไฟเบอร์กลาส และถังสแตนเลส โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและความทนทานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อม

ถังเก็บน้ำ มีหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัสดุที่ทำถังเก็บน้ำตัวอย่างเช่น ถังพลาสติก PE, ถังสแตนเลส, ไฟเบอร์กลาส และยังแบ่งตามการติดตั้งเป็นถังบนดินหรือฝังดิน แต่ละแบบมีข้อดี ราคา และความเหมาะสมต่างกัน ควรเลือกให้ตรงกับการใช้งาน งบประมาณ และขนาดพื้นที่ของคุณ

เลือกขนาด ถังเก็บน้ำ โดยคำนวณจากจำนวนสมาชิกและปริมาณการใช้น้ำต่อวัน ควรสำรองน้ำไว้ใช้ประมาณ 1-3 วัน เพื่อให้เพียงพอในยามฉุกเฉิน อย่าลืมพิจารณาพื้นที่ติดตั้ง หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกขนาดที่เหมาะสมที่สุด

วิธีดูแลถังเก็บน้ำทำโดยการหมั่นตรวจสภาพภายนอก หารอยรั่ว รอยร้าว ปิดฝาถังให้สนิทเสมอเพื่อป้องกันสิ่งสกปรก และรักษาความสะอาดบริเวณรอบถังเก็บน้ำ ไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค การดูแลสม่ำเสมอช่วยยืดอายุใช้งานและรักษาคุณภาพน้ำ

ควรล้างถังเก็บน้ำทุก 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อกำจัดตะกอนและคราบสกปรกสะสม ความถี่อาจปรับได้ตาม คุณภาพน้ำประปาในพื้นที่นั้นๆ การทำความสะอาดถังเก็บน้ำสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความสะอาดของน้ำและสุขอนามัยที่ดี

หากถังเก็บน้ำของคุณได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและน้ำได้รับการทดสอบและจัดการอย่างเหมาะสมเสียก่อน จึงอาจจะเหมาะสมที่จะดื่มได้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการให้มีระบบกรองและฆ่าเชื้อเพียงพอเพื่อรักษาคุณภาพของน้ำ

• PE (Polyethylene/โพลีเอทิลีน): น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนสารเคมีบางชนิด แต่อาจเกิดรอยขีดข่วนง่าย และมีอายุการใช้งานสั้นกว่าสตีล

• Fiberglass (ไฟเบอร์กลาส): แข็งแรง ทนต่อแรงดันและสารเคมีบางชนิด น้ำหนักเบากว่าสแตนเลส แต่เปราะบางต่อแรงกระแทก

• Stainless steel (สแตนเลส): ทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้ได้นาน เหมาะสำหรับน้ำดื่มหรืออุตสาหกรรมอาหาร แต่อาจมีราคาสูงและน้ำหนักมาก

• บนดิน (Above-ground): ติดตั้งง่าย ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับบ้านทั่วไป แต่ใช้พื้นที่บนพื้น

• ใต้ดิน (Underground): ประหยัดพื้นที่ มองไม่เห็นด้านนอก เหมาะกับพื้นที่จำกัดหรือบ้านใหญ่ แต่ติดตั้งยากกว่าและต้องลงทุนสูง

• บ้านพักอาศัย: 1,000–5,000 ลิตร ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกและการใช้น้ำ

• อาคารอุตสาหกรรม: ตั้งแต่ 5,000–100,000 ลิตร หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้น้ำและกระบวนการผลิต

ใช่ สามารถเก็บน้ำฝนได้ แต่ควรใช้ถังที่เหมาะกับน้ำดื่มหรือมีการกรองก่อนใช้งาน

แนะนำให้ใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะถังใต้ดินหรือถังสแตนเลสขนาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ