ถังเก็บน้ำ เป็นอุปกรณ์สำคัญที่พบได้ในบ้าน อาคารสำนักงาน และโรงงานต่าง ๆ ใช้สำหรับสำรองน้ำไว้ในยามฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่น้ำประปาไหลไม่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัญหาที่หลายคนพบคือ ถังเก็บน้ำมีกลิ่น ซึ่งแม้จะดูเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจกลายเป็นสัญญาณของปัญหาระบบน้ำที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุของกลิ่นที่เกิดขึ้นในถังเก็บน้ำ พร้อมแนวทางป้องกันและวิธีแก้ไขที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ใช้ในชีวิตประจำวันสะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในบ้าน
ถังเก็บน้ำมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารำคาญ แต่ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะกลิ่นที่เกิดขึ้นอาจบ่งชี้ถึงการปนเปื้อนของเชื้อโรค เช่น แบคทีเรีย สาหร่าย หรือแม้แต่สารเคมีจากถังที่เสื่อมสภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยโดยตรง ทั้งในด้านระบบทางเดินอาหาร ผิวหนัง หรือระบบหายใจ โดยเฉพาะหากน้ำนั้นถูกนำมาใช้อุปโภคหรือบริโภคโดยไม่ผ่านการกรองหรือฆ่าเชื้อ การใส่ใจตรวจสอบกลิ่นน้ำอยู่เสมอจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยป้องกันภัยเงียบในบ้าน และควรดำเนินการแก้ไขทันทีเมื่อพบกลิ่นผิดปกติ เพื่อรักษาความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว
ทําไมถังเก็บน้ําถึงมีกลิ่นเหม็น? ถังเก็บน้ำเริ่มส่งกลิ่นอับ กลิ่นโคลน หรือแม้แต่กลิ่นเหม็นเน่าออกมาอาจมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในการใช้น้ำแล้ว ยังเป็นสัญญาณของปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้ใช้น้ำ หากเจอกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อาจเกิดจากปัจจัยดังต่อไปนี้
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและเป็นต้นตอสำคัญของปัญหาที่ทำให้ถังเก็บน้ำมีกลิ่น คือการสะสมของตะกอนภายในถังน้ำ ซึ่งมักเกิดจากการใช้น้ำประปาเป็นประจำโดยไม่มีการดูแลหรือทำความสะอาดถังอย่างเหมาะสม วิธีการทำความสะอาดถังเก็บน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดการสะสมของตะกอนและยืดอายุการใช้งานของถังน้ำให้ยาวนานยิ่งขึ้น ตะกอนที่ว่านี้ไม่ได้มาในรูปแบบที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเสมอไป แต่ค่อย ๆ สะสมจากเศษเล็กเศษน้อยที่ไหลมากับน้ำ เช่น เศษดินละเอียด ทรายขนาดเล็ก เศษสนิมจากท่อเหล็ก และอนุภาคอินทรีย์อื่น ๆ ที่อยู่ในระบบจ่ายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ระบบท่อเก่าหรือไม่มีระบบกรองกลางก่อนเข้าสู่ถังเก็บน้ำ
เมื่อมีตะกอนสะสมอยู่ที่ก้นถังในปริมาณมากและปล่อยให้นิ่งอยู่เป็นเวลานานโดยไม่มีการรบกวนหรือการไหลเวียนน้ำ ตะกอนเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด ที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มืด อับชื้น และขาดออกซิเจน การย่อยสลายสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียในสภาพดังกล่าวจะปล่อยก๊าซบางชนิดที่ทำให้ถังเก็บน้ำมีกลิ่น เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า หรือกลิ่นโคลนที่ทำให้ผู้ใช้น้ำรู้สึกไม่สะอาดแม้เพียงเปิดน้ำใช้งานธรรมดา ซึ่งวิธีวิธีป้องกันตะกอนในน้ำ มีดังนี้
สาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งของปัญหาถังเก็บน้ำมีกลิ่น คือการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สาหร่าย หรือเชื้อราในถังเก็บน้ำ ซึ่งมักเกิดจากการที่ถังไม่ได้ปิดมิดชิด หรือได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานจนทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น สภาวะที่อุ่นชื้นเช่นนี้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์หลากชนิด โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิดไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Bacteria) ที่สามารถอยู่ในน้ำที่ไม่มีการไหลเวียนได้ และปล่อยกลิ่นเหม็นคล้ายโคลนหรือกลิ่นเปรี้ยวอับ
หากถังถูกแสงแดดมากเกินไป สาหร่ายน้ำจืดก็อาจเจริญเติบโตได้เช่นกัน แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ดูไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อเติบโตมากขึ้นจะเริ่มปล่อยกลิ่นเขียวๆ คล้ายสระน้ำร้างหรือกลิ่นน้ำเน่า ยิ่งปล่อยไว้นานโดยไม่ล้างหรือปิดกั้นแสง กลิ่นเหล่านี้จะยิ่งรุนแรงและอาจกระจายไปตามระบบน้ำภายในบ้านอย่างน่ารำคาญ และนี่คือวิธีป้องกันการเกิดแบคทีเรียที่ทำให้ถังเก็บน้ำมีกลิ่น
ปัญหาถังเก็บน้ำมีกลิ่นเหม็นอย่างเฉียบพลัน หรือรุนแรงผิดปกติในระยะเวลาอันสั้น มักมีต้นเหตุมาจากสัตว์เล็ก เช่น หนู จิ้งจก ตะขาบ หรือแมลงสาบ พลัดตกลงไปในถังแล้วตายอยู่ภายใน โดยเฉพาะถังที่ติดตั้งกลางแจ้งและไม่มีฝาปิดแน่นหนา กลิ่นที่เกิดขึ้นจากซากสิ่งมีชีวิตที่เน่าเสียจะรุนแรงจนบางครั้งไม่สามารถใช้น้ำได้เลย
สัตว์เล็กเหล่านี้นอกจากจะก่อกลิ่นเหม็นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการนำเชื้อโรคมาปนเปื้อนในน้ำ เช่น เชื้อซัลโมเนลลา หรือไวรัสบางชนิดที่สามารถแพร่กระจายผ่านระบบน้ำได้ หากนำน้ำไปใช้อุปโภคบริโภคอาจเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินอาหารหรือผิวหนังทันที ซึ่งเราควรตรวจสอบถังเพื่อปิดจุดบ่งพร่องที่อาจทำให้สัตว์สามารถเข้าไปได้ ดังนี้
แม้ถังเก็บน้ำจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่หากระบบท่อที่เชื่อมต่อกับถังไม่สมบูรณ์ ปัญหาถังเก็บน้ำมีกลิ่น ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีการติดตั้งวาล์วกันน้ำย้อนกลับ หรือมีท่อรั่วในจุดที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำเสีย เช่น ท่อน้ำทิ้งหรือท่อระบายน้ำ กลิ่นจากท่อน้ำที่เน่าเสียอาจย้อนกลับเข้าสู่ถังได้โดยไม่รู้ตัว
น้ำที่ไหลย้อนกลับเข้าถังอาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่อันตราย เช่น E. coli หรือเชื้อโปรโตซัวบางชนิดที่มองไม่เห็น และเมื่อเข้าสู่ระบบถัง จะสะสมและปล่อยกลิ่นเหม็นอับเหมือนท่อระบายน้ำ ทำให้ถังที่เคยใสสะอาด กลายเป็นแหล่งน้ำที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป เราควรป้องกันปัญหาน้ำรั่ว และน้ำย้อนกลับโดยวิธี…
อีกหนึ่งต้นเหตุสำคัญที่หลายคนมองข้าม แต่กลับเป็นสาเหตุโดยตรงของถังเก็บน้ำมีกลิ่น ในระดับที่สัมผัสได้ทันทีตั้งแต่เปิดน้ำ คือการใช้ถังเก็บน้ำที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลา หรือผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ ถังที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี หรือทำจากพลาสติกที่ไม่มีคุณสมบัติ Food Grade อาจเริ่มปล่อยกลิ่นคล้ายพลาสติกเก่า กลิ่นเหม็นหืน หรือกลิ่นฉุนคล้ายยางออกมาเมื่อน้ำสัมผัสกับวัสดุโดยตรง
นอกจากนี้ ถังที่ไม่ได้มาตรฐานยังเสี่ยงต่อการเกิดการแตกร้าวแบบไม่รู้ตัว หรือเกิดการซึมของสารเคมีจากตัวถังเอง ซึ่งนอกจากทำให้ถังเก็บน้ำมีกลิ่นแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวหากใช้ประกอบอาหารหรือดื่มโดยตรง เราควรเลือกถังน้ำที่วัสดุได้มาตรฐานและการันตีได้ถึงความปลอดภัย ดังนี้
น้ำในถังเก็บน้ำมีกลิ่นเหม็น มักเกิดจากตะกอนสะสม การเจริญเติบโตของแบคทีเรียหรือสาหร่าย สัตว์ตายตกลงไปในถัง ระบบท่อที่รั่วซึมหรือน้ำเสียไหลย้อน และการใช้ถังที่เสื่อมสภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน ปัญหาเหล่านี้อาจทำให้น้ำที่ควรสะอาดกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ การป้องกันทำได้ด้วยการล้างถังสม่ำเสมอ เลือกใช้ถังเก็บน้ำคุณภาพจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้อย่าง Greenpactank ปิดถังให้มิดชิด และติดตั้งระบบกรองน้ำและวาล์วกันน้ำย้อนกลับอย่างถูกต้อง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ใช้ปลอดภัยในทุกวัน
ควรล้างถังทันที ตรวจสอบระบบท่อน้ำ และปิดฝาถังให้มิดชิดเพื่อป้องกันเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์
อย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง หรือทุก 6 เดือนหากอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นมาก เพื่อป้องกันถังเก็บน้ำมีกลิ่น
กลิ่นเหม็นคล้ายไข่เน่า กลิ่นโคลน กลิ่นพลาสติก หรือกลิ่นเปรี้ยวอับ ถือเป็นสัญญาณของการปนเปื้อน
ควรเลือกถังที่ทำจากวัสดุ Food Grade มีมาตรฐาน มอก. และสามารถป้องกันรังสี UV ได้
ช่วยป้องกันน้ำเสียจากท่อระบายน้ำไหลย้อนเข้าสู่ถังเก็บน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นและเชื้อโรค
ติดต่อเรา